IN ALONE CAR - IN ALONE CAR นิยาย <color font=#FFFFFF><b>IN ALONE CAR</b></font> : Dek-D.com - Writer

    <color font=#FFFFFF><b>IN ALONE CAR</b></font>

    ระวังเบาะข้าง ๆ ของคุณไว้ให้ดี!

    ผู้เข้าชมรวม

    1,861

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.86K

    ความคิดเห็น


    22

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 พ.ย. 52 / 17:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น




    ขับรถคนเดียว ไม่ดีนะจ้ะ

    ระวังเบาะข้างๆของคุณไว้ให้ดี...! 

    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                 

      เสียงลมพัดหวีดหวิวนอกหน้าต่างรถ ประกอบกับแอร์เย็น ๆ ทำให้เขารู้สึกชื้นไปทั้งตัว

      ภายในรถมีเพียงเขา... วิทยุที่เสียไปทำให้บรรยากาศในรถนั้นอึมครึมเหมือนด้านนอกไม่มีผิดเพี้ยน รถคันเล็กที่เงียบงันกำลังขับฝ่าถนนเปลี่ยวที่มีป่าขึ้นรกร้างอยู่ตลอดข้างทาง แถมยังเป็นตอนคืนเดือนมืด แสงสว่างที่มีในตอนนี้จึงเป็นเพียงแค่ไฟหน้ารถเท่านั้น

                 ชายหนุ่มกระดิกเท้าเรื่อย ๆ อย่างอึดอัด ทำไมทางไปบ้านของเพื่อนเขาต้องผ่านป่าอย่างนี้ด้วยนะ

                 ทุกอย่างเงียบสนิท... มีเพียงเสียงคันรถที่ดังท่ามกลางความมืด มันยังคงแล่นต่อไปช้า ๆ ผ่านป่าทึบ สองข้างทางเป็นภาพเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง... ทำไมมันต้องเรียกเขามาตอนกลางคืนด่วนอย่างนี้ด้วยนะ น่าขนลุกชะมัด

      ด้วยความที่เขาก็อายุอานามเยอะอยู่พอสมควร ไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะต้องมากลัวอะไรที่มองไม่เห็น... จริงสิ พรุ่งนี้ก็วันฮัลโลวีนแล้วนี่นะ ไว้กลับไปจัดงานฉลองให้ลูก ๆ ที่บ้านดีกว่า

      เออ... โทรศัพท์เขาก็มีนี่หว่า โทรหาใครทำลายความเงียบนี่ดีกว่า

      เมื่อคิดได้จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อนคนที่ว่า เสียงรอสายดังตื๊ดอยู่พักใหญ่ มันจึงกดรับ

      ว่าไงคาร์ล

      “ทางไปบ้านนายทำไมมันไกลจังวะ”

      เออ ขับดี ๆ นะเว้ย... ระวังจะมีใครมานั่งข้างหลัง

      “อย่าล้อเล่นงี้สิวะ!คาร์ลสบถคำหยาบใส่มันไป ยอมรับว่าเขาหวาดกับสิ่งที่มองไม่เห็นที่ว่า

      ฉันพูดจริงนะ พลันทั้งสองฝ่ายเงียบลงอึดใจ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมือเริ่มชื้น ๆ สันหลังเย็นวาบ หายใจติดขัดเมื่ออีกฝ่ายยังคงไม่พูดอะไรต่อ... ชั่วขณะหนึ่งก็มีเสียงหัวเราะแว่วเข้ามา

      ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ

      “ล้อเล่นใช่ไหม”

      ทดสอบนายเฉย ๆ น่ะ เออนี่... แต่ฉันจะขอเตือนไว้อย่าง... ชายหนุ่มกัดฟันรอฟังอย่างตั้งใจ แต่ไม่ทันที่เพื่อนของเขาจะว่าอะไรต่อ สายก็พลันถูกตัดไป!

      “อะไรวะ” คาร์ลสบถ รีบกดโทรซ้ำอีกครั้ง แต่ว่ากลับพบว่าสัญญาณไม่มี... ชายหนุ่มโทรซ้ำอีกรอบ ทุกสิ่งยังคงเป็นเหมือนเดิม

      เขาตัดสินใจพับโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋า เหยียบคันรถให้เร็วขึ้น ใจคอเริ่มไม่ดีกับคำเตือนที่ไม่ได้ฟังจากเพื่อน... มันอาจจะเตือนเรื่องสัตว์ที่ข้ามถนนตอนกลางคืนล่ะมั้ง

      สองข้างทางยังคงขนานไปด้วยป่าทึบ ด้านหน้าก็เป็นถนนที่ทอดยาว นอกรัศมีของแสงไฟก็มองเห็นเพียงความมืดมิด... ทำไมมันไกลอย่างนี้เนี่ย น่าจะมีคนร่วมทางมาด้วยสักคน ปัดโถ่เอ้ย

      เร็วเท่าความคิด เขาก็เห็นร่าง ๆ หนึ่งยืนอยู่ริมถนนด้านหน้า เป็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังโบกรถเขา... สมองพลันกระจายความคิดภายในเสี้ยววิ ผีหรือเปล่า เขาเคยได้ยินมาว่าถ้าหากมีคนยืนโบกรถตอนกลางคืนอย่าจอดรับ แต่อาจจะเป็นคนก็ได้... แล้วคนบ้าอะไรมายืนกลางป่ากลางเขาอย่างนี้ล่ะ!

      คาร์ลตัดสินใจขับผ่านไป รู้สึกเหมือนสันหลังเย็นวาบตามไปด้วย ฟันกรามของเขากระทบกันกึก ๆ ด้วยความหวาด แค่นี้คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง... ดีแล้วที่เขาไม่รับขึ้นมา ทำเป็นไม่เห็นแหละดีแล้ว... เมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

      หากไม่ทันที่จะทำใจให้เย็นลง เขาก็เห็นร่าง ๆ เดิมยืนโบกรถอยู่ข้างหน้าอีกครั้ง!!

      “เฮ้ย!!คาร์ลเผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ รีบเหยียบคันเร่งวิ่งผ่านร่างนั้นไปอีกครั้ง นั่นทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังเจอของดีเข้าแล้วจริง ๆ !

      ชายหนุ่มไม่คิดอะไรทั้งนั้น เหงื่อเม็ดเย็น ๆ เกาะเต็มใบหน้า... ใจเย็นไว้ เรามาดีไม่มีเจตนาร้ายอะไร เขาพยายามสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้าในใจ แต่ทว่า!

      ข้างทางเบื้องหน้าของเขายังคงมีหญิงสาวคนเดิมยืนโบกรถอยู่!!

      คาร์ลพยายามกัดฟันขับต่อไป สันหลังเย็นวาบ ๆ พร้อมหัวใจที่เต้นรัว เธออยู่ในชุดไปรเวทกระโปรงสั้นเหมือนไปทำงาน ใบหน้าถูกบดบังด้วยผมที่ยาวเหยียด เขาทำใจขับผ่านเธออีกครั้ง ภาวนาให้ถึงบ้านของเพื่อนเร็ว ๆ พร้อมสวดมนต์ไปตลอดทาง

      แต่เธอก็ปรากฏให้เขาเห็นอีกครั้ง!

      ชายหนุ่มกัดฟันเพื่อจะขับผ่านเธอเหมือนครั้งก่อน ๆ แต่ว่า...

      จู่ ๆ ร่างนั้นก็กระโดดขึ้นมาหน้ารถ หน้าของเธอปะทะเข้ากับกระจกหน้าดังปึง!

      “เฮ้ยยยย!!ชายหนุ่มผวาร้องลั่น ไม่ทันที่จะจับภาพอะไรต่อ ดวงตาก็ถูกปิดลงอัตโนมัติ เขาเหยียบคันเร่งสุดขีด ในใจสวดมนต์คาถาทุกบทเท่าที่จำได้ มือที่จับพวกมาลัยสั่นจนควบคุมไม่อยู่

      “ผมมาดีจริง ๆ ... ผมมาดี ผมไม่เคยทำให้คุณเดือดร้อน ได้โปรดเถอะครับ” เขาพยายามเจรจาทั้ง ๆ ที่ยังไม่กล้าลืมตา... จนในที่สุดก็ตัดสินใจหรี่ตาขึ้นมาดูก็พบว่า...!!

      เธอหายไปแล้ว...

      ชายหนุ่มเผลอถอนหายใจพรูอย่างโล่งอก สมองตีกันวุ่นทำอะไรไม่ถูก จึงทำได้เพียงเหยียบคันเร่งให้รถขับต่อไปพร้อมภาวนาขอพรจากพระเจ้าไปด้วย... ในใจคิดว่าเธออาจไม่มาแล้วแต่ว่าท่ามกลางความเงียบที่ครอบคลุมรถ... เขาได้ยินเสียงบางอย่างดังกุกกักอยู่นอกหน้าต่าง ซึ่งชายหนุ่มไม่คิดจะหันไปดูว่ามันคืออะไร ในใจพยายามหาอะไรอื่น ๆ มาคิดหาต้นเหตุของเสียงนอกจากอย่างว่านั้น

      กึก... กึก... กึก...

      เสียงนั้นดังมาจากด้านหลังรถ เหมือนมีอะไรกำลังทุบกระจก เขาไม่กล้าแม้จะมองกระจกส่องหลัง ดวงตาจับจ้องไปยังทางด้านหน้า ปากเริ่มออกเสียงสวดมนต์

      เสียงนั้นเหมือนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จากหลังรถ เขารู้สึกเหมือนมีอะไรกำลังป่ายมาทางหน้าต่าง จนเสียงกุกกักนั้นดังอยู่ข้าง ๆ หูเขา... คาร์ลเห็นเงามืด ๆ อยู่ข้างตาโดยไม่กล้าจะหันไปมองกระจกข้างรถ มือสั่นระริก ริมฝีปากเอ่ยพร่ำบอกอีกครั้งอย่างหวาดกลัว

      “ผมมาดีจริง ๆ ครับ ไม่ได้มีเจตนาจะรบกวนอะไรคุณ ถ้าหากทำให้ไม่พอใจก็ขอโทษด้วย” เขาละล่ำละลักบอกด้วยเสียงสั่นเครือ หากหางตายังเห็นเงาวูบ ๆ เกาะอยู่ที่กระจกข้างรถเหมือนเดิม จนกระทั่งเขาสามารถเห็นเป็นใบหน้าที่แนบอยู่กับกระจกได้แม้ว่าจะพยายามหลีกสายตาเท่าใดก็ตาม

      ชายหนุ่มข่มลมหายใจที่ตื่นกลัว พยายามตั้งสติควบคุมรถต่อไป... มันทุบหน้าต่างรถเขาดังกึก ๆ เหมือนจะเรียก แต่เขาไม่กล้าหันไปหา ทำไมเธอต้องทำอย่างนั้น เธอกำลังต้องการจะบอกอะไรเขาหรือเปล่า

      แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหันไปประจันหน้ากับเธอ ไม่กล้าแม้แต่จะคิด!

      “คุณต้องการอะไร” เขาเอ่ยถามไป บรรยากาศในรถมันช่างกดดันให้เขาปวดหัว คาร์ลขบฟันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เมื่อมันยังคงทุบกระจกอยู่ไม่ไปไหน

      “จะเอาอะไรกับผมนักหนาวะ” เขาเผลอสบถออกมาก่อนตบพวงมาลัยด้วยความเครียด “จะเอาอะไรก็บอกมาสิ!!”

      ฉับพลันเธอก็เลิกทุบกระจกรถ แล้วปล่อยตัวหล่นไปจากรถของเขาจนชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก เหลียวกลับไปมองอย่างลืมตัวก่อนจะพบว่าเธอหายไปแล้ว ชายหนุ่มหอบหายใจแรง ๆ แล้วรีบหันกลับมาเพื่อขับรถต่อ แต่แล้วเมื่อเหลือบไปดูกระจกส่องหลัง เขาก็ต้องร้องลั่นคันรถ!

      เมื่อกระจกปรากฏร่างของหญิงสาวนั่งก้มหน้าอยู่ด้านหลังรถ! คาร์ลเผลอปล่อยพวกมาลัย เท้าเหยียบเบรคกระทันหัน รีบเปิดประตูเพื่อจะวิ่งหนี

      แต่เหมือนถูกเล่นตลก ประตูรถกลับเปิดไม่ออกไม่ว่าจะปลดล็อคแล้วก็ตาม ชายหนุ่มเหงื่อชุ่มตัว พยายามงัดประตูออกแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!

      พลันได้ยินเสียงร้องไห้ดังระงมมาจากด้านหลัง ...เอาล่ะวะ นี่เขาทำผู้หญิงร้องไห้ใช่ไหมเนี่ย!

      เขาตัดสินใจทำใจดีสู้เสื้อ ข่มใจตัวเองให้กล้าเอาไว้ เขาคงมาดี... เขาอาจจะต้องการความช่วยเหลือก็ได้ เป็นไงเป็นกัน...

      “ค... คุณต้องการอะไรครับ” เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองกระจกส่องหลังอีกครั้ง... ไม่มีเสียงตอบจากหญิงสาวหากยังคงส่งเสียงร้องไห้ดังมาไม่ขาดสาย

      ฮืออออ... ฮือออ ฮึก... ฮือออ...

      เขาขนลุกชันด้วยความหลอน ขาเริ่มขยับไปเหยียบคันเร่งต่ออย่างไม่มั่นคง แอร์ในรถเย็นยะเยือกปะปนไปกับเสียงครวญครางด้านข้างทำให้เขาอยากจะเป็นบ้า

      ทำไงดีวะเนี่ย ทำไงดี...

      เธอยังคงร้องไห้ไม่หยุด คาร์ลจึงกัดฟันข่มความกลัว ค่อย ๆ เบือนมองกระจกส่องหลังอีกครั้ง เธอกำลังจ้องหน้าของเขาอยู่! ดวงตาของเธอปูดโปนคลอไปด้วยน้ำใส ๆ ไหลนองเต็มใบหน้าขาวซีด

      ชายหนุ่มรีบผละตาออกมา รู้สึกเหมือนหัวใจจะวายตาย แต่ถือว่าเขาโชคดีที่ไม่เจอในสภาพเละ ๆ แบบเลือดโชกกาย เขาหายใจเข้าลึก ๆ และถอนออกช้า ๆ

      ฮืออออ... ฮือออ ฮือ ฮึก

      “อย่าร้องไห้เลยครับ” คาร์ลทำใจดีสู้เสืออีกครั้ง “มีอะไรบอกผมดี ๆ ดีกว่า”

      “ฮืออ ทำไม... ทำไม... ฮืออ ทำไม ทำไม ทำไม”

      “ค... ใครทำอะไรคุณครับ” เป็นครั้งแรกที่เธอยอมพูดออกมาเป็นคำ ๆ ชายหนุ่มอยากจะตบหน้าตัวเองสักครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป นี่เขากำลังเสวนาอยู่กับผีเรอะ!!

      จู่ ๆ เสียงร้องไห้ฟูมฟายของเธอก็เงียบไป คาร์ลจึงเบือนสายตาไปมองกระจกส่องหลังอีกครั้ง และพบว่าเธอหายไปแล้ว ไม่ทันที่เขาจะดีใจก็รู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างไล้มาตามคอ

      “เฮ้ย!!” เธอไม่ได้หายไปไหน แต่กลับมาอยู่ด้านหน้าของเขา!! ใบหน้าขาวซีดจนเห็นเส้นเลือดปะชิดกับหน้าชายหนุ่ม ดวงตาปูดโปนที่เต็มไปด้วยน้ำตาจ้องมองมาที่เขาเขม็ง สองมือกำคอของคาร์ลเอาไว้แล้วเขย่าบีบแรง ๆ

      “ทำไม!! ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม!!!” มันกรีดร้องเสียงเสียดแก้วหู คาร์ลพยายามผลักเธอออกไปแต่ก็ไร้ผล หญิงสาวร้องไห้น้ำตาไหลพราก สายเลือดออกมาทั้งทางตา ปาก รูจมูกและหู ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ชายหนุ่มร้องพยายามเปล่งเสียงร้อง เท้าผวาไปเหยียบเบรคจนรถไถลไปตามทาง

      “ทำไมกัน!! ทำไม!! ฮืออออ ทำไม!!!” เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะหายใจไม่ออก ใช่ ทำไมกันล่ะ ทำไมเขาต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย เขามีลูก มีเมียที่ต้องกลับไปดูแล ทำไมเขาจะต้องมาถูกฆ่าตายด้วย!!

      น่าแปลกที่คาร์ลกลับไม่สามารถสู้แรงของเธอได้ หญิงสาวกระอั่กไอออกมาเป็นเลือด เปื้อนไปทั้งหน้าและลำตัวของเขา ในดวงตาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและรวดร้าว เธอร้องไห้อย่างไม่อาจเปล่งเสียง

      “ทำไมกัน ทำไมกัน ปล่อยฉัน!! ปล่อยฉันสิ!!” ไม่ใช่เสียงของชายหนุ่มหากกลับเป็นเธอเสียเองที่ร้อง ทั้ง ๆ ที่มือของเธอยังบีบรัดคอของเขาแน่น คาร์ลพยายามแกะมือของเธอออก นึกถึงภาพลูก ๆ แล้วละความกลัวออกไปจนหมด

      “ผมมีลูกเมียที่ต้องกลับไปดูแล!!” ชายหนุ่มตะโกนใส่หน้าเธอ ถึงแม้สภาพตรงหน้าจะทำให้เขาแทบอยากจะเป็นลมก็ตาม

      “ได้โปรด... ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย ช่วยฉันที” หญิงสาวร้องไห้ระงมอย่างปวดร้าว เลือดไหลทะลักออกมาจากปากแดงฉาน เขาไม่เข้าใจ เพราะตอนนี้เขารู้เพียงแค่เขากำลังจะถูกเธอฆ่าตาย!!

      “ทำไมมมม ฮืออออออออ!!!”

      “คาร์ล!!” พลันเสียงเรียกของใครบางคนดังก้องขึ้นในหูของเขา ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาขึ้นมาและพบว่าหญิงสาวที่คร่อมร่างเขาอยู่หายไปแล้ว กลับเป็นเพื่อนของเขาที่เปิดประตูรถเข้ามาดู

      “จ... เจมส์! ช่วยฉันด้วย” คาร์ลรีบป่ายออกจากรถ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา “เมื่อกี้มันอะไร เกิดอะไรขึ้น“

      “นายโดนเล่นแล้วไงล่ะ ไปขึ้นรถ” มันตอบเหมือนกับว่าเป็นเรื่องปกติมาก คาร์ลมองไปรอบ ๆ ก่อนพบว่าเขายังอยู่ที่ถนนสายเดิม พอก้มมองเสื้อตัวเองกลับไม่พบรอยเลือดใด ๆ ... หากสัมผัสเจ็บที่คอยังคงอยู่

      เขาก้าวขึ้นไปนั่งบนรถอีกครั้งด้วยความกลัวปนสบายใจที่พบกับเจมส์ รถถูกเขาขับแล่นไปอีกครั้งโดยมีเพื่อนนั่งไปด้วย

      “บ้านฉันอยู่ข้างหน้านี่แหละ เห็นนานแล้วนายยังมาไม่ถึงสักทีเลยออกมาดู”

      “เมื่อกี้มันอะไรวะ นายรู้เรื่องใช่ไหม”

      “เออ กำลังจะบอกแกอยู่ ว่าถ้ามีคนมาโบกรถให้จอดรับ เธอจะนั่งไปเป็นเพื่อนแกดี ๆ จนสุดทาง แต่สายดันถูกตัดไปก่อน”

      “ปัดโถ่เว้ย! แล้วเธอเป็นใคร มาจากไหน?”

      “เธอเป็นวิญญาณตายโหง ถูกฆ่าในป่านี้มาตั้งหลายสิบปีแล้ว เวลามีคนขับรถผ่านคนเดียวเธอจะมาโบกรถขอขึ้นด้วยประจำ”

      “แล้วทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วยวะ” คาร์ลสบถ รู้สึกยังขวัญเสียไม่หาย

      “เธอถูกลากเข้ามาในป่าเพื่อจะฆ่าข่มขืน แต่ก็หนีออกมาได้แล้วรีบโบกรถเพื่อจะหนี แต่ว่ารถคันนั้นกลับไม่จอดรับเธอ เธอเลยถูกฆ่าในป่าที่นี่แล้วไม่ได้ไปผุดไปเกิดเสียที”

      เพราะอย่างนี้เธอจึงดูเคียดแค้นชิงชังเขานักหนา เพราะว่าความกลัวและไร้น้ำใจของเขาเองงั้นหรือ... ถ้าเขาจอดรับเธอ เขาก็คงไม่ต้องโดนเธอหลอกอย่างนี้...

      ถ้าในวันนั้น... คน ๆ นั้นจอดรับเธอ เธอก็ไม่ต้องมาตายแบบนี้....

      คาร์ลคิดเวทนาในใจ พลางสวดมนต์ให้พรหญิงสาวคนนั้น...

      พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ มันเป็นเบอร์ของบ้านเจมส์ เขาหยิบขึ้นมากดรับด้วยความสงสัย

      “ครับ”

      ค... คาร์ลใช่ไหม... นี่แม่ของเจมส์นะ เสียงปลายสายดูเหมือนกำลังร้องไห้อยู่ เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

      “ทำไมเหรอครับ”

      เจมส์ตายแล้ว

      “ว่าไงนะ?”

      เจมส์ตายแล้ว

      “อย่าล้อเล่นสิครับ เจมส์นั่งกับผมอยู่นี่” เขาเริ่มใจคอไม่ดีกับมุขตลกที่ไม่น่าขำด้วยของอีกฝ่าย เพราะชายหนุ่มคนที่เธอว่าถึงยังนั่งสบายใจอยู่ข้าง ๆ เขา

      เจมส์ออกจากบ้านจะไปหาเธอ แต่โดนรถชนก่อน!’

      “เฮ้ย!?” เขารีบหันควับไปหาคนที่โดนอ้างว่าตายแล้ว หากพบเพียงแค่... ความว่างเปล่า!!

      พระเจ้าครับ!!

      แว่วเสียงของหญิงสาวจากเบาะหลัง... เสียงของเธอดูคล้ายคลึงจะหัวเราะเสียมากกว่าร้องไห้!

       

      “ฉันบอกแล้ว... ให้จอดรับฉันขึ้นไปนั่งเป็นเพื่อน!!”

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×